ผู้คนจำนวนมากใช้กรุยเชิงสแตนเลสสีเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ แต่ก่อนที่จะเลือกตัวเลือกจากผู้ค้าหรือผู้ให้บริการ เขาควรจะสามารถตรวจสอบความหนาของผลิตภัณฑ์ได้ เหล็กกล้าไร้สนิมสามารถบางได้ตั้งแต่ 7/10 มม. ถึงหนาถึง 5 มม. พวกเขายังมีจำหน่ายในขนาดต่างๆ โดยตัดตามข้อกำหนดของแต่ละบุคคลหรือของบริษัท อีกแง่มุมหนึ่งที่ควรพิจารณาเมื่อซื้อกรุยเชิงสแตนเลสสีคือวิธีการขัดเงาหรือขัดเงา ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสามารถรีดเย็น อบร้อน และดองได้ ในบางกรณี ผิวหนังของมันถูกม้วนเป็นม้วนสว่างเช่นกัน กระบวนการที่นิยมอื่นๆ
ในการตกแต่งกรุยเชิงสแตนเลสสี ได้แก่ การขัดเงาแบบซาติน
การอบอ่อนแบบสว่าง การขัดแบบทึบ และการขัดเงาแบบสว่าง ด้านล่างนี้คือข้อเท็จจริงอื่นๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ สแตนเลสประเภทต่างๆ หลายคนคงสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบต่างๆ ของกรุยเชิงสแตนเลสสีอย่างแน่นอน รูปแบบออสเทนนิติกเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อนและสามารถเปลี่ยนรูปร่าง เกรด และขนาดต่างๆ ได้ ด้วยการทำงานที่เย็น สเตนเลสออสเทนนิติกก็จะแข็งแรงขึ้นเช่นกัน
อีกประเภทหนึ่งเรียกว่ารุ่นเฟอริติกหรือโลหะที่อยู่ใน ซึ่งแตกต่างจากประเภทออสเทนนิติก ซึ่งต้องไม่แข็งหรือแข็งแรงเท่าเมื่อผ่านกระบวนการทำงานที่เย็นจัด มีความเหนียวทนต่อการกัดกร่อนและการเกิดออกซิเดชันและเป็นแม่เหล็ก อีกประเภทหนึ่งคือกรุยเชิงสแตนเลสสีมาร์เทนซิติก นอกจากนี้ยังเป็นของโลหะซี ที่เป็นแม่เหล็กแต่ไม่เหนียวและทนต่อการกัดกร่อนเหมือนสแตนเลสเฟอร์ริติก รูปแบบอื่นๆ อยู่ในหมวดโลหะชุบแข็งแบบตกตะกอนและแบบดูเพล็กซ์
การเลือกกรุยเชิงสแตนเลสสี
กรุยเชิงสแตนเลสสี ราคา
มีหลายสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกกรุยเชิงสแตนเลสสีสำหรับบ้านหรือเพื่อการก่อสร้างทางธุรกิจ ดังที่กล่าวไว้ในย่อหน้าก่อนหน้านี้ ความหนาและการตกแต่งเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อ นอกเหนือจากสองวิธีนี้ กระบวนการผลิต คุณลักษณะด้านประสิทธิภาพ และการมุ่งเน้นที่มิติก็มีความสำคัญอย่างมากในการเลือกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมด้วย
เมื่อพูดถึงข้อกำหนดด้านขนาดของกรุยเชิงสแตนเลสสี เส้นผ่านศูนย์กลางด้านในและด้านนอก ความยาวและความหนาโดยรวมจะรวมอยู่ในรายการตรวจสอบ สำหรับกระบวนการผลิตที่แตกต่างกันนั้น การพิจารณาการอัดรีด การตีขึ้นรูป การจบเย็น การหล่อ และการรีดร้อน เพื่อให้มั่นใจในความสะอาดและความราบรื่นของเอาต์พุต เตาอาร์คไฟฟ้าจึงถูกนำมาใช้ในกระบวนการ สุดท้ายนี้ คุณสมบัติด้านประสิทธิภาพ เช่น ความทนทานต่อการสึกหรอ การกัดกร่อน และการกระแทก ควรเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์ในการเลือกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม