ปัญหาของผู้ซื้อแหวนที่จะเกิดขึ้นคือ ขนาดของนิ้วมือที่อาจจะทำให้ผู้สวมใส่อาจสวมได้ไม่ตรงกับขนาดของแหวนที่ซื้อมา ไม่วิธีการวัดไซส์แหวนแบบง่ายๆ มีข้อควรจำคือ

ควรวัดรอบนิ้วในอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป ควรเป็นช่วงเย็นของวัน เนื่องจากนิ้วของเราในแต่ละช่่วงเวลาอาจมีขนาดเปลี่ยนแปลงไป เช่น ตอนเช้า นิ้วมือเราอาจจะบวมกว่าปกติ หรือ นิ้วมือหลังจากผ่านการยกของหนัก และปล่อยนิ้วมือทิ้งข้างลำตัวนานๆ ก็อาจมีผลให้ขนาดนิ้วเปลี่ยนไปได้เช่นกัน

วิธีที่ 1  วัดเส้นผ่านศูนย์กลางจากแหวนวงเก่าที่ใช้อยู่ ให้วัดเป็นมิลลิเมตร โดยวัดจากขอบในด้านหนึ่งไปขอบในอีกด้านหนึ่ง ตัวอย่างเช่น วัดแหวนปลอกมีดตามรูปที่ 2-2 โดยละเอียดแล้ว เส้นผ่านศูนย์กลางด้านในจะอยู่ที่ประมาณ 21 มิลลิเมตร จากนั้นเราไปดูตารางในรูปที่ 3 จะเห็นว่า diameter ในตารางมีเพียงค่า 20.68 และ 21.08 มม. เพราะฉะนั้นไซส์แหวนของเราอาจจะเป็น 65 หรือ 66 ก็ย่อมได้ ถ้าคุณลูกค้าเลือก 65 ก็จะพอดีนิ้วเป๊ะ แต่ถ้าหากเลือก 66 ก็จะเป็นการเผื่อหลวมเผื่ออ้วนสวมใส่ได้สบาย ได้ค่าเท่าไหร่นำมาเทียบตามรายละเอียดดังนี้

เส้นผ่านศูนย์กลางที่วัดได้

15.3 มม. = size 48

15.6 มม. = size 49 (เบอร์ 5)

16.0 มม. = size 50

16.2 มม. = size 51

16.5 มม. = size 52 (เบอร์ 6)

17.0 มม. = size 53

17.2 มม. = size 54 (เบอร์ 7)

17.5 มม. = size 55

17.8 มม. = size 56

18.0 มม. = size 57 (เบอร์ 8)

18.4 มม. = size 58

18.8 มม. = size 59

19.0 มม. = size 60 (เบอร์ 9)

19.2 มม. = size 61

19.8 มม. = size 62 (เบอร์ 10)

20.0 มม. = size 63

20.4 มม. = size 64

20.8 มม. = size 65 (เบอร์ 11)

ขอให้ทุกๆ ท่านได้เลือกแหวนได้ทุกใจและสวมใส่ได้สบาย รวมถึงดีไซด์ที่ล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็นแหวนเพชร แหวนเงิน หรือแหวนทอง

TAOBAO (เถาเป่า) เป็นเว็บตลาดออนไลน์ของประเทศจีน ที่รวบรวมร้านค้าออนไลน์ไว้จำนวนมาก เรียกว่ามีขายกันทุกอย่าง หากลูกค้าต้องการอะไร อยากได้อะไรมีหมด

ร้านค้าในเถาเป่า มีทั้งรูปแบบบุคคลธรรมดาทั่วไป และรูปแบบบริษัท อันจะทำให้ความน่าเชื่อถือของแต่ละร้านแตกต่างกันไป ซื้อทางเว็บก็รองรับผู้ประกอบการได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้านเติมเงินมือถือ ร้านพรีออเดอร์ ร้านขายแบบประมูล ร้านขายปลีก ร้านขายส่ง แม้แต่บางร้านก็รับจ้างผลิตเลยก็มี

สินค้าในเถาเป่า  จะเห็นได้ว่ามีตั้งแต่สินค้า Brandname ทั้งของแท้จากทุกมุมโลก รวมไปถึงสินค้าจากไทยก็มีเช่นกัน ไปจนถึงของก๊อบทุกเกรด แม้แต่สินค้างานฝีมือ อุปกรณ์ วัตถุดิบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า บัตรชมการแสดง ตั๋วเข้าชมงานต่างๆ ขนาดหมอดูออนไลน์ก็ยังมี สุดแล้วแต่จะมีผู้สรรหามาวางขาย หรือมีไอเดียจะขายนั่นเอง จุดเด่นของเถาเป่า นอกจากความหลายหลายของสินค้าแล้ว ระบบการซื้อขายของเถาเป่ายังครอบคลุมต่อการใช้งานทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย นั่นคือ โปรแกรม Chat ไว้สำหรับเจรจาต่อรอง รวมไปถึงการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม จุดนี้เป็นจุดเด่นที่เว็บอื่นๆไม่มีมาให้ จึงเป็นจุดเด็นหนึ่งที่ลูกค้าหลายท่านชอบ

แน่นอนว่าการธุรกรรมใดๆนั้น ความปลอดภัยเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าไม่มีความปลอดภัยแล้ว ใครจะกล้าจ่ายเงิน ใครจะกล้าส่งสินค้าให้ เถาเป่า จึงมีระบบชำระเงิน เรียกว่า Alipay คุ้มครองทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง คล้ายกับ Paypal หรือ Paysbuy ของไทยนั่นเอง จะเห็นได้ว่าเถาเป่ากลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนจีนไปแล้ว  และโด่งดังไปทั่วโลก

ทางด้านประเทศไทย เถาเป่าเริ่มเป็นที่รู้จักจากกลุ่มนักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อในประเทศจีน แล้วจึงต่อยอดเป็นธุรกิจพรีออเดอร์ รับสั่งสินค้า และนำเข้าสินค้าจากจีน ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา สินค้าจากเถาเป่า ค่อยๆได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเถาเป่า เป็นเว็บไซต์ขายปลีก “ชิ้นเดียว ก็สั่งได้” สินค้านำมาต่อจึงมีความหลากหลาย ซื้อขายง่าย และคล่องตัว มากกว่าที่จะไปซื้อจากแหล่งขายส่งโดยตรง

ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เถาเป่ารู้จักอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ซื้อในไทยเข้าถึงสินค้าในราคาทุน จึงเกิดธุรกิจตัวแทนสั่งซื้อ และตัวแทนนำเข้า ซึ่งในปัจจุบันมีการแข่งขันด้านราคา และการบริการอย่างเข้มข้น

โอริกามิ คือศิลปะการพับกระดาษ นับเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งของชาวญี่ปุ่น ที่ทำขึ้นเพื่อฝึกฝนสมาธิ โดยมีการวิจัยแล้วว่าคนที่พับกระดาษเป็นงานอดิเรกนั้น มีสมาธิ มีความจำที่ดีกว่า และการพับกระดาษยังช่วยรักษาอาการสมาธิสั้นได้อีกด้วย ที่คนส่วนใหญ่ในโลกยุคนี้มักเป็นกัน รวมไปถึงยังช่วยสร้างสรรค์จินตการ ความคิดและพัฒนาการทางสมองได้ด้วย จึงไม่แปลกที่คนญี่ปุ่นมีความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถมากกว่าชาติอื่นๆในเอเชีย แต่ว่าศิลปะการพับกระดาษนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนความคิดใหม่ ด้วยการนำเอาผ้าขนหนู หรือบางคนอาจจะเรียกผ้าเช็ดตัว มาใช้พับเป็นรูปต่างๆแทนกระดาษ ซึ่งนอกจากจะได้อารมณ์การพับแบบใหม่ๆแล้ว ยังทำให้ไม่เปลืองทรัพยากรของโลกด้วย เพราะผ้าขนหนูสามารถคลี่ออกและพับใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่เหมือนกระดาษที่พับได้ครั้งเดียวก็ยับต้องทิ้งไป ซึ่งการพับผ้าขนหนูนี้ มีชื่อเรียกว่า โอชิโบริ (แปลว่าผ้าขนหนูขนาดเล็ก พอๆกับผ้าเช็ดมือ) คิดค้นขึ้นโดยคุณ Isamu Sasagawa ผู้เชี่ยวชาญการพับผ้าขนหนูของญี่ปุ่น ผู้ได้ฉายาว่าเจ้าชายผ้าขนหนู ผลงานพับผ้าขนหนูที่คุณ Isamu Sasagawa ทำไว้ก็มีทั้งรูปสัตว์ รูปของใช้ต่างๆ และยังรวมไปถึงรูปตัวการ์ตูนและเกมส์ยอดนิยม อาทิเช่น ปิกาจู เจ้าหนูสายฟ้าอันโด่งดังจากโปเกมอนอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าหากเรานำสิ่งของใกล้ตัวเรามาทำอะไรปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ก็สามารถที่จะสร้างมูลค้าให้กับสิ่งของเหล่านั้นได้ อย่างเช่นผ้าเช็ดตัวโรงแรมที่เราจะเห็นได้ว่า นำผ้าเช็ดตัวมาพับเป็นรูปร่างต่างๆ สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่เข้าพักได้ แค่จากผ้าเช็ดตัวโรงแรมทั่วไปเท่านั้นเอง

การเคลื่อนที่ของรอกไฟฟ้า

สุดยอดเลยครับสำหรับการมองหา และสังเกตุความเคลื่อนที่ หรือว่าการเคลื่อนที่ของรอกไฟฟ้านั้น สิ่งที่จำเป็นอย่างมากเลยก็คือ ทุก ๆ ครั้งที่มีโอกาสได้เห็นรอกไฟฟ้าแล้วนั้น ต้องบอกไว้เลยครับว่าเห็นแต่เพียงเป็นตัวเล็ก ๆ  หรือว่ามีฐานการยกน้ำหนักแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดูจากโซ่ที่ใช้มวลโซ่ที่หนาไม่มากเท่าไหร่นัก ก็สามารถยกสิ่งของ รถยนต์ที่มีน้ำหนักอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งผู้อ่านเองก็คงจะมีโอกาสได้เห็นกันมาบ้างใช่ไหมหล่ะครับ เวลาที่ขับรถไปอู่หรือว่าร้านกลึงงาน

สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเป็นเรื่องที่น่าถูกใจอยู่ไม่น้อยเลยสำหรับการพิจารณาเลือกซื้อรอกเหล่านี้นั้น การที่เรามองอย่างเปิดเผย ว่ารอกนั้นจะมีความหมายนั้นอย่างไรก็ต้องบอกเลยครับว่าการมองหารอกเพื่อทำการยกน้ำหนักอย่างดีที่สุดแล้วนั้น เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้อย่างอย่างไม่น้อยเลยครับ ซึ่งส่วนของการทำงานในวันนี้นั้น ก็ต้องบอกได้เลยครับรอกที่ดีที่สุดคือรอกที่สามารถมีกำลังมากพอที่จะยกน้ำหนักได้หลาย ๆ นิวตันนั่นเองครับ

ซึ่งผู้อ่านเชื่อไหมครับว่ารอกไฟฟ้าเหล่านี้นั้น เป็นรอกที่ทำการควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องมีคนไปคล้องกับข้อต่อของรอก และสิ่งที่ต้องการจะพ่วงก็เท่านั้นนั่นเองครับ อย่างอื่นตอนนี้ผมก็ยังไม่พบปัญหาในส่วนไหนเลยครับ ต้องบอกได้อย่างแท้จริงเลยครับว่า ตัวรอกเองก็ยังจะต้องมองเลยครับว่าทำอย่างไรดีนะจึงจะซื้อรอกได้ดีที่สุด http://search.yellowpages.co.th/search.jsp?txtWhat=%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%81

ความสำคัญของอาจารย์ที่มาสอนทำอาหารให้กับเรา

ในเรื่องของการสอนทำอาหาร สิ่งหนึ่งที่ผู้เรียนควรนึกถึงและให้ความสำคัญมาก ๆ เลยก็อาจจะเป็นเรื่องข้อมูลประวัติของบุคลากรที่มาสอน เราจะต้องรู้ว่าผู้สอนนั้นมีประวัติ และความเป็นมาอย่างไรในเรื่องของการสอนให้เราทำอาหาร เพราะการทำอาหารนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เราทำเป็นเท่านั้น ในเรื่องของการทำให้อร่อยถูกปากผู้คนจำนวนมากก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน วันนี้ผมเองก็เลยมีเรื่องราวดี ๆ ประกอบการตัดสินใจ หากต้องการหาอาจารย์สักคนมาสอนทำอาหารให้เรา

อย่างแรกเลยให้ทำความเข้าใจก่อนว่าไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถสอนทำอาหารกันได้ทั้งนั้น ที่เหลืออยู่ที่ว่าจะอร่อยหรือไม่เพียงเท่านั้นครับ ดังนั้นวิธีการในมุมมองผู้เรียนอย่างเราต้องรู้ว่าผู้สอนทำอาหารที่มาสอนเรานั้น เค้าเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน มาจากไหน ฝีไม้ลายมือเป็นอย่างไร ระหว่างประวัติ กับความคล่องแคล่วในเรื่องของการทำอาหารนั้นเป็นอย่างไร รสชาติของอาหารที่เขาทำหล่ะ เพียงพอต่อการตัดสินกับประวัติของเขาได้ไหม และอีกหลาย ๆ เรื่องครับ ซึ่งเราฐานะผู้เรียน เราก็จะมองออกโดยอัตโนมัติ

การที่จะให้ใครมาสอนทำอาหาร หรือว่าเป็นครูทางด้านการทำอาหาร เราควรมั่นใจและหาข้อมูลมาก่อนเป็นลำดับแรกครับว่าเขามีผลงานทางด้านไหนมาบ้าง ถ้ามีผลงานดี และมีพฤติกรรมดี เราก็ควรเอาเป็นตัวอย่างในการทำอาหารต่อไปครับ คำว่าครูแท้จริงแล้วมีความหมายกันทุกคนครับ แต่ละคนก็อาจจะมีประสบการณ์และความสามารถที่แตกต่างกันไป เราจะเลือกใครสักคนมาเป็นครูหรือโค๊ช ควรมีหลักการอะไรบ้าง ก็ลองคิดกันครับ ส่วนใครที่อยากเรียนทำอาหารผมแนะนำ http://www.mlpuang.com/ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารของหม่อมหลวงพวง ทินกรครับ